วันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ฉนวนกันความร้อน

หลายๆท่านที่พอพูดถึง ติดตั้งฉนวนกันความร้อน ก็อาจนึกสับสนนึกไปต่างๆนาๆ ทั้งในเรื่องของ ฉนวนกันความร้อนใต้หลังคา หรือ วิศวกรในโรงงานบางท่านก็อาจจะนึกถึงแค่ว่า ฉนวนประหยัดพลังงาน หรือ ที่เรียกกันติดปากว่า เสื้อหุ้มวาล์ว (thermal insulation jackets)บ้างก็เรียก แจ็คเก็ตหุ้มวาล์ว ทับศัพท์ภาษาอังกฤษไปเลย

อันที่จริงแล้วพอเอ่ยถึง ฉนวนกันความร้อน นี่ก็ไม่มีใครผิดใครถูกนะครับ ขึ้นอยู่กับว่าคนที่เรียก หรือคนที่จะใช้อยู่ในความต้องการใช้อันใดเพื่อวัตถุประสงค์อะไรมากกว่า เพราะคำว่า "ฉนวนกันความร้อน" ก็หมายถึง วัสดุที่สามารถต้านทานความร้อน ไม่ให้แผ่ซ่านผ่านทะลุได้ ยกตัวอย่างเช่น เจ้าของบ้านก็นึกถึงฉนวนกันความร้อนใต้หลังคา เพราะสามารถกันความร้อนของบ้านได้ , เจ้าของโรงงานก็จะนึกถึงชุดฉนวนกันความร้อน ที่ช่วยประหยัดพลังงานให้กับเครื่องจักรโรงงาน และสามารถลดอุณหภุมิ บริเวณเครื่องจักร ที่มีความร้อน หรือเครื่องทำความร้อนเช่น heater / extruder ลดลงได้ หรือ ผู้ผลิตเตาเผาขยะ ก็จะนึกถึงชุดฉนวนกันความร้อนหน้าเตา เหล่านี้เป็นต้น
ประเด็น ที่จะกล่าวถึงในครั้งนี้ก็คือ “ความหนาของฉนวนกับการต้านทานความร้อน” ซึ่งหลายๆท่าน ก็คงทราบกันดีแล้วว่า ยิ่งฉนวนหนามากเท่าไร การกันความร้อนของฉนวนนั้นก็จะยิ่งมีประสิทธิภาพมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น ฉนวนกันความร้อนใต้หลังคาบ้านพักอาศัย ทั่วไปก็นิยมใช้กันที่ความหนา 3 นิ้ว (7.5 เซนติเมตร) ซึ่งสามารถต้านทานความร้อนจากหลังคาไม่ให้แผ่เข้ามาในตัวบ้านได้ค่อนข้างดี
ชุดฉนวนหุ้มกันความร้อนที่ใช้กับเครื่องฉีดพลาสติคตาม โรงงานต่างๆ ก็นิยมใช้ที่ความหนา 2 นิ้ว (5.0 เซนติเมตร) แต่ในบางครั้งก็ใช้ได้แค่ความหนาไม่เกิน 1 นิ้ว เนื่องจากความหนาโดนจำกัดไว้โดยฝาครอบหรือวัสดุป้องกันอย่างอื่น ความหนาของฉนวนเป็นปัจจัยสำคัญอันดับแรกๆ ที่จะทำให้ฉนวนนั้นๆป้องกันความร้อนได้อย่างเต็มที่ แต่ก็ใช่ว่าจำเป็นจะต้องเลือกฉนวนกันความร้อนให้ มีความหนามากที่สุดเสมอไป เพราะอาจทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายมากโดยใช่เหตุ การเลือกความหนานั้น หากท่านไม่มีประสบการณ์ ก็ควรจะขอคำปรึกษาจากผู้แทนจำหน่ายหรือผู้ติดตั้ง ถึงความหนาที่กันความร้อนได้อย่างมีประสิทธิผล (optimization)
ข้อควรจำก็คือความหนาของฉนวนมีผลกับการป้องกันความร้อนเสมอ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น